แปปสเมียร์ (Pap smear) คืออะไร

กรุณาอธิบายความหมายของ PAP SMEAR ด้วยค่ะว่ามีขั้นตอนอย่างไร และผลของการตรวจมีความมั่นใจอย่างไร
ขอบคุณคะ

สวัสดีค่ะ

Pap ย่อมาจาก Papanicolaou ซึ่งเป็นผู้ค้นพบวิธีย้อมสีเซลล์ ทำให้เซลล์ปกติ และเซลล์ผิดปกติ เช่นเซลล์มะเร็งติดสีแตกต่างกัน จึงเรียกวิธีย้อมนี้โดยย่อว่า Pap smear สามารถตรวจเซลล์จากทุกอวัยวะได้ นิยมตรวจที่เซลล์ปากมดลูกมากที่สุด เพราะเก็บเซลล์ง่าย และเพราะมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรีที่พบบ่อย ในประเทศไทยพบมากเป็นอันดับที่ 1 ในขณะที่ประเทศที่เจริญ ประชาชนมีความรู้ทางสาธารณสุขค่อนข้างดีเช่น USA อังกฤษ ออสเตรเลีย, มะเร็งปากมดลูกพบเป็นอันดับท้ายๆ ทั้งนี้เพราะมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจ Pap smear สม่ำเสมอ ปีละครั้งหรือตามแพทย์นัด จะทำให้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ได้ตั้งแต่ยังไม่เป็นมะเร็งแท้จริง หรือเริ่มเป็นมะเร็งระยะต้นยังไม่ลุกลาม เมื่อรักษาเสียก็เป็นการตัดวงจรของการกลายเป็นมะเร็งได้ การตรวจคือการตรวจภายในนั่นเอง แพทย์จะใช้ไม้เล็กๆแบนๆ คล้ายไม้ไอศกรีมป้ายปากมดลูก แล้วป้ายลงบนสไลด์ ส่งย้อม Pap ปกติการย้อมใช้เวลา 1-2 ช.ม. ก็นำมาอ่านและแปลผลได้แล้ว แต่เพื่อการประหยัดจึงย้อมพร้อมกันคราวละมากๆ ดังนั้นกว่าจะได้ผลก็จะประมาณ 3-7 วันแล้วแต่ lab แต่ละที่

ควรไปตรวจ Pap ในระยะที่สบายดี ไม่มีตกขาวผิดปกติ ไม่ใช่กำลังมีระดู เพราะจะทำให้การแปลผลยาก และแปลผลผิดได้ แต้ถ้ามีเลือดออกกะปริบกะปรอยที่ไม่ใช่ระดูควรไปตรวจเลย ไม่ต้องรอเลือดหยุด เพราะการที่มีเลือดออกผิดปกติก็เป็นอาการหนึ่งของมะเร็ง สตรีทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วควรตรวจทุกคน แต่ถ้ายังไม่มีควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 ปี เป็นต้นไป USA แนะนำตั้งแต่อายุ 20 ปี เพราะเขา มีเพศสัมพันธ์กันไว ไม่ต้องกลัวเจ็บ แพทย์ผู้ตรวจจะเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ใช้หล่อลื่นช่วย และพยายามตรวจให้นุ่มนวลระมัดระวังไม่ให้เจ็บอยู่แล้ว หมอทุกคนอยากได้รับคำชมว่ามือเบาทั้งนั้นละค่ะ

Dr.OU
23 Sep 2001
www.thaiclinic.com/question/question_pap.html
อัตราป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก 23.4 ต่อแสนประชากร
จำนวนป่วยประมาณ 6,000 รายต่อปี
พบมากเมื่อสตรีอายุ 30 ปีขึ้นไป

แนวทางตรวจสุขภาพในผู้ใหญ่ทั่วไป

Pap smear ตรวจเมื่อสตรีเริ่มมีเพศสัมพันธ์ หรืออายุ 35 ปี ปีละ 1ครั้ง x 3 ปี หลังจากนั้นตรวจทุก 3 ปี

การเตรียมตัวก่อนมาตรวจ Pap Smear

ไม่ใส่ยาในช่องคลอดหรือล้างช่องคลอดก่อนตรวจ 24-48 ชั่วโมง
งดเพศสัมพันธ์ 24-48 ชั่วโมง
ไม่ควรตรวจภายในมาแล้ว 24 ชั่วโมง
ไม่ควรตรวจในช่วงมีประจำเดือน หรือถ้ามีการอักเสบที่ปากมดลูกควรรักษาให้หายเสียก่อน
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap Smmear มีความจำเพาะหรือ Specificity ถึงร้อยละ 99.8 อีกร้อยละ 0.2 เป็นผลบวกลวงเกิดจากความผิดพลาดในการแปลผลการอักเสบ Metaplasia เป็น Cervical Intraepithelial Neoplasia [CIN หรือ Dysplasia] หรือ Squamous Cell Carcinoma [SCC] แต่ผลบวกลวงไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการรักษาเพราะ การวินิจฉัยต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อตรวจยืนยัน
ความไวหรือ Sensitivity หมายถึงอัตราส่วนของสตรีที่เป็น CIN หรือ SCC แล้วตรวจพบด้วย Pap Smear เท่ากับร้อยละ 60-90 ซึ่งแสดงว่าร้อยละ 10-40 เป็นผลลบลวง [ผลลบลวง เกิดจาก Sample Error คือวิธีการทำ Pap Smear ไม่ถูกต้อง พบมากที่สุด, Screening Error มีเซลล์ผิดปกติบนสไลด์แต่ตรวจไม่พบความผิดปกติ, Interpretative Error วินิจฉัยเป็นกลุ่ม Benign แทนที่จะวินิจฉัยเป็นมะเร็ง พบน้อยมาก]


สตรีปกติเมื่ออายุครบ 35, 40, 45, 50, 55, และ 60 ปีควรได้รับการตรวจแปปสเมียร์ เพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มแรก และในระยะก่อนเป็นมะเร็ง


ระยะห่างของการตรวจ (ปี) จำนวนการทำ Pap smear ในช่วงชีวิต การลดลงของอุบัติการสะสม (%)
1 30 93.5
2 15 92.5
3 10 90.8
4 7 83.6
5 6 64.1

Shingleton HM. Orr JW Jr. Philadelphia : J.B.Lippincott; 1995 : 1-69


What is a smear test?
A smear test can spot abnormal cells which, if left untreated, might turn into invasive cervical cancer. It is not a test for cancer. The smear test is used to take a sample of cells from the cervix for analysis. A doctor or nurse inserts an instrument (a speculum) to open the woman's vagina and uses a spatula to sweep around the cervix and take a sample of cells. Most women consider the procedure to be only mildly uncomfortable. The sample of cells is then 'smeared' on to a slide which is sent to a laboratory for examination under a microscope.

References

  1. http:www.cancerscreening.nhs.uk/cervical/index.html
  2. http:www.thaiclinic.com/question/question_pap.html
  3. การอบรมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไประยะสั้น ครั้งที่ 23 พ.ศ.2537
  4. แผ่นพับ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2544 จำนวน 15,000 แผ่น การปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
  5. Shingleton HM. Orr JW Jr. Philadelphia : J.B.Lippincott; 1995 : 1-69

ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค