มะเร็งเต้านมมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่ผู้หญิงหวาดกลัวไม่ใช่น้อยเพราะเมื่อเป็นแล้วอาจจะต้องตัดเต้านมทิ้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงอย่างหนึ่ง และที่สำคัญคือ มะเร็งเต้านมสามารถคร่าชีวิตผู้หญิงได้ มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2ในมะเร็งของผู้หญิง รองลงมาจากมะเร็งปากมดลูก ในปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มว่าจะลดลง ซึ่งหมายความว่าในอนาคต มะเร็งเต้านมอาจจะขึ้นมาครองแชมป์ก็ได้ ด้วยความสำคัญเช่นนี้จึงได้สัมภาษณ์ น.พ. กริช โพธิสุวรรณ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มาให้ความรู้ในเรื่องนี้ผู้หญิงจะดูแลตนเองหรือเฝ้าระวังโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างไรผู้หญิงทุกคนไม่วาจะเป็นคนที่มีอัตราเสี่ยงมากหรือน้อย ควรจะรู้จักวิธีตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพราะตนเองอาจจะเป็นคนเเรกที่พบความผิดปกติได้ วิธีตรวจเต้านมด้วยตนเองนั้น ควรเริ่มตรวจตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือน โดยตรวจเดือนละครั้ง ระยะเวลาที่ดีที่สุดคือ ประมาณวันที่ 10 หลังจากที่เริ่มมีรอบเดือน ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เต้านมมีขนาดเล็กที่สุด ทำให้สามารถคลำพบสิ่งผิดปกติได้ง่ายที่สุด และวิธีการตรวจนั้น ต้องประกอบด้วยการดู ก็คือการยืนอยู่หน้ากระจก ส่องกระจกดูเปรียบเทียบเต้านมทั้ง 2 ข้าง ว่าข้างใดมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ขนาด รูปร่าง เหมือนกันมั้ย ระดับของหัวนมอยู่ในระดับเดียวกันหรือเปล่า มีความผิดปกติของหัวนมหรือไม่ เช่น หัวนมบุ๋มดึงรั้งเข้าไป มีผิวหนังของเต้านมผิดปกติ เช่น อาจจะมีรอยบุ๋ม มีบวมแดง หลังจากดูแล้วก็คือการคลำ วิธีที่สะดวกคือ การคลำในขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่เพราะช่วงกำลังถูสบู่อยู่ผิวหนังจะลื่น ฉะนั้นถ้ามีอะไรผิดปกติ มีก้อน เราจะคลำได้แน่นอนกว่าตอนที่ผิวหนังหนืดๆสาเหตุของมะเร็งเต้านมสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งเต้านมยังไม่ทราบแน่นอน ก็คงเหมือนกับสาเหตุทั่วๆไป ทราบแต่เพียงว่ามีสาเหตุบางอย่างที่จะส่งเสริมให้มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น คือ
การเป็นมะเร็งเต้านมจะมีอาการใดๆเตือนล่วงหน้าหรือไม่ข้อเสียของมะเร็งเต้านมคือ ก้อนที่เป็นมะเร็งในระยะเริ่มแรกมักจะไม่มีอาการเจ็บ จะเจ็บก็ต่อเมื่อมีอาการค่อนข้างมากแล้วอาการที่สำคัญที่สุดของมะเร็งเต้านมคือ การคลำพบก้อนในเต้านม ก้อนในเต้านมนั้น มีได้หลายชนิด บางชนิดก็เป็นเพียงถุงน้ำ หรือบางชนิดก็เป็นก้อนเนื้องอกธรรมดา นอกจากอาการที่มีก้อนที่เต้านมแล้ว ก็อาจจะมีอาการของมีน้ำออกมาจากหัวนม ซึ่งอาจจะมีลักษณะใสๆ หรือน้ำขาวขุ่นๆ คล้ายน้ำนม บางครั้งอาจเป็นน้ำที่มีเลือดปนหรืออาจเป็นน้ำเลือดที่ออกจากหัวนมเลย จะสามารถแยกแยะก้อนที่เต้านมอย่างไรว่าใช่มะเร็งหรือไม่ กรณีใดควรไปพบแพทย์ ก้อนที่คลำเจอในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงมีประจำเดือน แล้วช่วงหมดประจำเดือนก้อนนี้ก็หายไป อันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงตามระดับฮอร์โมนในร่างกายซึ่งไม่ใช่มะเร็ง สำหรับก้อนที่คลำพบส่วนใหญ่เป็นพังผืดที่เต้านมเรียกว่า ไฟโบรซีสติกดีซีส (fibrocystic disease) หรือ ซีสต์ (cyst) จะพบมากในช่วงอายุ 30-50 ปี ซึ่งสามารถวินิจฉัยได้ด้วยการทำอัลตราซาวนด์ ถ้าพบว่าเป็นถุงน้ำ ก็เพียงใช้เข็มเจาะเข้าไปในถุงแล้วดูดน้ำออกมาก้อนนั้นก็หายไป และโอกาสที่ซีสต์จะกลายเป็นมะเร็งเต้านมมีน้อยมาก ในทางการแพทย์มีวิธีตรวจหามะเร็งเต้านมอย่างไร แรกสุดเมื่อมีคนไข้มาตรวจ จะต้องซักประวัติคนไข้ว่ามีประวัติเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ จากนั้นก็ตรวจร่างกาย ซึ่งบางครั้งการตรวจร่างกายพอจะบอกได้ว่าก้อนนั้นใช่หรือไม่ใช่มะเร็ง วิธีการตรวจที่นิยมทำกันมากที่สุดคือ การตรวจเอกซเรย์เต้านม ที่เรียกว่า แมมโมแกรม เป็นการตรวจหามะเร็งตั้งแต่เริ่มแรกซึ่งไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยตนเองหรือวิธีอื่น นอกจากนี้ก็จะมีการตรวจที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ที่เรียกว่า อัลตราซาวนด์ แต่ทั้งแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์เพียงบอกได้คร่าว ๆ ว่าเจอก้อนเนื้อ วิธีที่จะบอกได้แน่นอนคือการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา การตรวจแมมโมแกรมนั้นตามโรงพยาบาลในจังหวัดใหญ่หรือโรงพยาบาลตามโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข สามารถให้การตรวจได้ เสียค่าใช้จ่าย ประมาณ 1,500-2,000 บาท (สำหรับผู้ที่จ่ายเงินเอง) มะเร็งเต้านมแบ่งออกเป็นกี่ระยะมี 4 ระยะ
โอกาสในการรักษามะเร็งแต่ละระยะเป็นอย่างไรหากตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ ระยะที่ 1 โอกาสที่จะรักษาหายมีถึงประมาณร้อยละ 80 และระยะที่ 2 มีประมาณร้อยละ 60 ส่วนระยะที่ 3 และ4 โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดมีค่อนข้างน้อยเมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านม
ถ้าอายุเกิน 50 ปีก็ควรทำแมมโมแกรมทุกปีไปจนตลอดชีวิต สำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีญาติเคยเป็นมะเร็งเต้านม ควรเริ่มพบแพทย์เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านมเร็วขึ้น โอกาสที่มะเร็งเต้านมจะกลับมาใหม่มีหรือไม่ก็มีโอกาส เมื่อเป็นมะเร็งแล้ว ถึงจะรักษาอย่างไรก็ตาม ก็มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำขึ้นมาอีกได้ ฉะนั้นหลังจากการรักษาไปแล้ว หมอจะนัดคนไข้มาตรวจเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิตของคนไข้ เพราะบางรายอาจจะเกิดซ้ำหลังจากที่รักษาไปมากกว่า 10 ปีก็ได้ มะเร็งเต้านมยังเป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ และเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้หญิงจำนวนมาก ดังนั้นผู้หญิงจึงควรตรวจเต้านมตัวเองอย่างสม่ำเสมอเดือนละครั้งเพราะการเจอมะเร็งเต้านมตั้งแต่เนิ่นๆ โอกาสที่จะรักษาหายสูงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ คงไม่มีใครที่จะป้องกันตัวเราได้ดีเท่าตัวเราเองน.พ. กริช โพธิสุวรรณ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค |